วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปรัชญา...ความรัก 14 แบบ

 รูปสวย comment glitter emoticon
.. ปรัชญาความรัก 14 แบบ ..
1. A man overtime falls in love with woman he is attracted to,
and a woman overtime become more attracted to the man she loves.
ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เค้าหลงเสน่ห์
และผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก
2. Friendship is love minus sex and plus reason LOVE is friendship
but love is friendship plus sex and minus reason.

มิตรภาพคือ ความรักลบด้วยเซ็กซ์
และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป
ส่วนรักคือ มิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออกไป
3.To love is nothing. To be loved is something.
To love and be loved is everything!!!!

การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง
การถูกรักเป็นเรื่องของอะไรบางอย่าง
ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง (ว้าว)
4.You may only be one person to the world
but you may also be the world to one person

คุณอาจจะเป็นแค่ "คนๆ หนึ่ง" ในโลกใบนี้
แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้
5.You know when you love someone when you want them to be happy
even if their happiness means that you're not of it.

คุณรู้ว่าคุณรักเค้าก็ต่อเมื่อคุณต้องการให้เค้ามีความสุข
แม้ว่าความสุขนั้นจะหมายถึง
การที่คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน
6. Love looks not with eyes, but with the mind. ความรักนั้นเห็นไม่ได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
7. Love is like standing in the wet cement.
The longer you stay, the harder it is to leave.
And you can never go without leaving your shoes behind.
ความรักก็เหมือนปูนเปียกๆ
ยิ่งคุณอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งติดหนึบ
จากไปไม่ได้เท่านั้น
และคุณจะไม่มีวันจากมาได้เลย
โดยที่ไม่ได้ทิ้งรองเท้าไว้ข้างหลัง
8. Don't marry a person you can live with,
marry somebody you can't live without.

จงอย่าแต่งงานกับคนที่คุณ "อยู่ด้วยได้"
จงแต่งงานกับคนที่คุณ "ขาดไม่ได้"
9. If you love someone tell them don't wait or also
you will lose the chance.
ถ้าคุณรักใคร บอกเค้าซะ อย่ารีรออยู่เลย
ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสนะ..
10. It only takes a second to say " I love you"
but it will take a lifetime to show you how much.
ใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า" ฉันรักเธอ"
แต่ใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า รักมากเพียงไร?
11. The essential sadness is to go through life without loving.
But it would be almost equally sad to leave this
world without ever telling those you loved that you love them.

ความเศร้าที่สำคัญคือการใช้ชีวิตโดยปราศจากความรัก
แต่มันคงจะเศร้าพอๆกันที่จะจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้บอกคนที่คุณรักว่า
"คุณรักพวกเค้า"
12. A man falls in love through his eyes,
a woman through her ears.
ผู้ชายตกหลุมรักทางตา
แต่ผู้หญิงน่ะ ตกหลุมรักทางหู
13.To love is to risk not being loved in return.
To hope is to risk pain.
To try is to risk failure,
but risk must be taken,
because the greatest hazard in life is to risk nothing.
การที่ได้รักคือการเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน
การตั้งความหวังคือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด
การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว
แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง
เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือการไม่เสี่ยงอะไรเลย
14. When loving someone.. never regret what you
do. only regret what you didn't do.

เวลารักใคร..อย่าเสียใจในสิ่งที่คุณได้กระทำ
จงเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้กระทำ…..

กามเทพ...สื่อรัก "คิวปิด"


.. คิวปิด ..
คน ทั่วไปรู้จัก คิวปิด ในภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก มือถือคันธนูกับลูกศรและมีชื่อเสียงในเรื่องการยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อ ใคร ศรรักของ คิวปิด หมายถึงความปรารถนาและอารมณ์แห่งความรัก คิวปิด จะเล็งลูกศรไปที่พระเจ้าและมนุษย์เพื่อทำให้พระเจ้ากับมนุษย์รักกัน
คิว ปิดมักจะมีบทบาทในการเฉลิมฉลองความรัก ในกรีกโบราณ คิวปิด เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เอโรส ลูกชาย แอฟโพไดท์ เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงามแต่สำหรับพวกโรมัน เขาคือ คิวปิด และแม่ของเขาคือ วีนัส

มีเรื่องน่า สนใจพอสมควรเกี่ยวกับ คิวปิด และ ไซคี เจ้าสาวของเขาในเทพนิยายโรมัน ขอแนะนำผู้อ่านให้รู้จักคู่รักของ คิวปิด สักนิดนะ ว่าเธอเป็นเทพธิดารูปงามในนิยายกรีกโบราณมีปีกเป็นผีเสื้อ และเพราะความงามนี้เองที่ทำให้ วีนัส อิจฉา นางจึงได้สั่ง คิวปิด ให้ลงโทษว่าที่ลูกสะใภ้เสีย แต่ คิวปิด ตกหลุมรักเธอเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของแม่ ดังนั้น แทนที่จะลงโทษเธอ คิวปิด กลับเอาเธอเป็นภรรยาเสียเลย แต่เนื่องจาก ไซคี มิได้เป็นอมตะ เธอจึงถูกห้ามมิให้มองเขา (ตรงนี้ไม่ทราบเหมือนกันนะว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ได้เธอเป็นภรรยาแล้วภรรยา มองไม่ได้ แต่อย่าไปคิดอะไรมากนะ เพราะเทพนิยายฝรั่งก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากละครน้ำเน่าบ้านเรา)
หลัง จากตกเป็นภรรยาของ คิวปิด แล้ว ไซคี ก็มีความสุขเรื่อยมา (ก็แหงละ) จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้รบเร้าให้เธอมอง คิวปิด ทันทีที่เธอมอง คิวปิด คิวปิด ก็ลงโทษเธอด้วยการทิ้งเธอไปทันที พร้อมกันนั้นปราสาทและสวนอันสวยงามของเธอก็ต้องมลายหายไปด้วย หลังจากนั้นไซคี ก็พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในทุ่งโล่งแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมี ชีวิตอื่นๆหรือ คิวปิด ปรากฏให้เห็นเลย
ใน ขณะที่เธอออกเดินทางค้นหาคนรักของเธอนั้น เธอก็มาถึงวิหารของ วีนัส โดยบังเอิญ เมื่อ วีนัส เทพธิดาแห่งความรักพบว่า ไซคี ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็ปราถนาที่จะ ทำลาย ไซคี ด้วยการให้งานที่หนักและอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ งานสุดท้ายที่ ไซคี ได้รับมิใช่งานขับเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรดหรอกนะ หากแต่เธอได้รับกล่องใบหนึ่งมาและได้ถูกสั่งให้ลงไปยังใต้โลกเพื่อเอา ความงามของ โพรเซอร์พีน ภรรยาของ พลูโต ใส่กล่องใบนี้มา ในระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้น เธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักการหลีกเลี่ยงอันตรายจากอาณาจักรแห่งความตาย นอกจากนั้นแล้ว เธอยังได้ถูกเตือนมิให้เปิดกล่องใบนั้นอีกด้วย แต่เพราะทนไม่ไหวหรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรืออะไรก็ไม่ทราบ เธอได้เปิดกล่องใบนั้น แต่แทนที่จะพบกับความงาม เธอกลับต้องหลับเป็นตาย
ต่อ มา คิวปิด ได้มาพบร่างอันไร้ชีวิตของเธอบนพื้นดิน เขาจึงได้นำเอาอาการหลับเป็นตายออกจากร่างของเธอและนำมันไปเก็บไว้ในกล่อง หลังจากนั้น คิวปิด ก็ได้ให้อภัยเธอเช่นเดียวกับ วีนัส เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายเห็นความรักที่เธอมีต่อ คิวปิด จึงได้ตั้งให้เธอเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง
ปัจจุบัน นี้รูป คิวปิด แผลงศรเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้คนมักนิยมใช้กัน และเมื่อศรรักของ คิวปิด พุ่งโดนหัวใจหนุ่มสาวคนใดในวันวาเลนไทน์ หนุ่มสาวคนนั้นก็จะออกอาการ "สติวปิ้ด" จากศรรักของ คิวปิด ขึ้นมาทันที อาการนี้จะเห็นได้จากการส่งดอกกุหลาบสีแดง ส่งช็อคโกแล็ต การส่งบัตรอวยพรและอื่นๆ อีกเยอะแยะ
หมายเหตุท้ายบท : "สติวปิ้ด" เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า "โง่" นะเจ้าคะ เหมือนคำบางคำที่เราอาจเคยได้ยินว่า "ความรักบางครั้งก็ทำให้คนตาบอด และ มองไม่เห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารัก"
--------------------------------------------------

ประวัติความเป็นมาของ วันวาเลนไทน์


ประวัติวันวาเลนไทน์
เรื่องของวันวาเลนไทน์นี้ มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ณ. กรุงโรม หรืออาณาจักรโรมัน ในยุคของ จักรพรรดิคลอดิอุส ที่สอง (Claudius II) โดยที่จักรพรรดิพระองค์นี้ มีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น  เขาได้สั่งให้ชาวโรมันทุกคน สักการะนับถือพระเจ้า12องค์ โดยผู้ที่ขัดขืนคำสั่ง จะถูกทำโทษ รวมทั้งห้ามยุ่งเกี่ยว กับพวกคริสเตียนด้วย  แต่นักบุญวา เลนตินุส (Valentinus) มีความเลื่อมใส ศรัทธาต่อพระคริสต์มาก เขาได้กล่าวไว้ว่า แม้กระทั่งความตาย ก็ไม่สามารถ เปลี่ยนความคิด ของเขาได้ เขาจึงได้ถูกจับขังคุก

ช่วงอาทิตย์สุดท้ายในชีวิตของ เขานั้น ได้มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น ขณะที่เขาถูกคุมขัง อยู่นั้น ผู้คุมขังได้ขอให้วาเลนตินุส สอนลูกสาวเขาซึ่งตาบอดด้วย จูเลียเป็นคนสวยแต่น่าเสียดาย ที่เธอตาบอดตั้งแต่แรกเกิด วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่างๆ สอนเลข และเล่าเรื่องพระเจ้า ให้เธอฟัง จูเลียสามารถรับรู้สิ่งต่างๆในโลกนี้ได้ โดยคำบอกเล่าของวาเลนตินุส เธอเชื่อใจเขา และเธอมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา


1
วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า 
"ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหม" 
เขาตอบ "พระองค์เจ้า จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเรา ทุกคน" 
จูเลียกล่าว "ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไร ทุกๆเช้า  ทุกๆเย็น….ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็น โลก เห็นทุกๆอย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง" 
วาเลนตินุสจึงบอก "พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุด ให้แก่เราทุกคน เพียงแค่ เรามีความเชื่อมั่น ในพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง"




จูเลีย ผู้ ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า จึงได้คุกเข่า กุมมือ อธิษฐานพร้อมกับ วาเลนตินุส และในขณะนั้นเอง ก็ได้มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นจูเลียค่อยๆลืมตา พระเจ้า……เธอมองเห็นแล้ว!!!!! เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักร
  ในคืนก่อนที่วาเลนตินุส จะสิ้นชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้าย ถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" เขาสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจาก นั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บ ไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูก ต้นอามันต์ หรือ อัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สี ชมพู ได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพ อันสวยงาม
ประวัติวันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่า ที่ค้นหามาได้นี้ เป็นเพียงหนึ่ง ในหลายๆเรื่องเท่านั้น ไม่ว่าประวัติที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในปัจจุบันนี้ เราได้ถือว่า วันวาเลนไทน์ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนม และการ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนที่พิเศษของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่ เราส่งความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน.......


วาเลนไทน์เดย์ยุคก่อน (ขำขันไม่เบา)
ถ้า พูดถึงวันวาเลนไทน์แล้ว ทุกคนคงจะนึกถึงใครสักคน ที่เป็นคนพิเศษในใจคุณ มีการส่งดอก กุหลาบ บัตรอวยพร ช็อกโกแลต สัญลักษณ์แห่งความหอมหวาน ไปให้คนที่ตนรัก แต่ถ้าย้อนยุคไป สมัยก่อน  ชาวโรมันโบราณ ฉลองวันวาเลนไทน์ มานานหลายพันปี ด้วยการจัดงานควบคู่ไปกับงาน ฉลองเก็บเกี่ยวพืช โดย ให้หญิงสาวสวมหน้ากาก รูปหมาป่า คอยเวลา ถูกกลุ่มชายหนุ่มรูปหล่อ นุ่งผ้าเตี่ยว เอาแส้โบย ชาวโรมันจัดงานรื่นเริงเช่นนี้ทุกเดือน ก.พ.ของทุกปี จนกระทั่งถึง ค.ศ.45 พระ สันตะปาปาพระองค์หนึ่ง มีบัญชาให้เลิก แต่ทุกวันนี้ ประเพณีเฉลิมฉลองเทศกาล วาเลนไทน์ ของชาวมะกะโรนีและกรีซยังมีอยู่ ชายหนุ่มยังเฆี่ยนตีหญิงสาวอยู่ แต่ใช้แส้พลาสติกแทน ซึ่งสร้าง ความสนุกสนาน ร่าเริงมากกว่า      



อย่างไรก็ตาม คน โรมันโบราณ ในวันแห่งความรัก ถ้าจะให้คู่รักมีอารมณ์โรแมนติก จะต้องเปิบนอ ฮิบโปโปเตมัส และดวงตาตัวไฮอีน่า ไม่ได้อธิบายคุณสมบัติ ว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น นอกจากนี้ยังเผยว่า "ผลส้ม" เป็นสัญลักษณ์ วันวาเลนไทน์ ชาว ยุโรปรุ่นก่อนเล่าว่า ส้มเป็นผลไม้ บำรุงสมรรถนะทางเพศ สร้างอารมณ์โรแมนติก และความพึงพอใจทางเพศ หากใครต้องการให้ คู่รักหลงใหล ต้องใช้เข็มแทงผลส้ม แล้วนำไปใส่ใต้รักแร้ นอนหลับหนึ่งคืนรุ่งเช้า ใครกินผลส้ม เข้าไป จะตกหลุมรักเจ้าของในทันที (ใครกล้ากินจริง ก็คงเรียกว่าหลงรัก หน้ามืดตามัวเลยนะเนี่ย)  อย่างไรก็ตามเรื่องส้มนี้ จีนโบราณถือเป็นยากระตุ้นเซ็กซ์ จักรพรรดิจีน ชวนนางสนมเอกช่วยกัน หั่นส้มชิ้นบางๆ พร้อมกับโปรยดอกส้ม ทั่วเตียงบรรทม สำหรับผลไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ วันวาเลนไทน์ อื่นๆ ก็มีผลอาร์ทิโชคมีใบเป็นหนาม กล้วย และพืชจำพวกไทรมีผลคล้ายแพร์ ซึ่งเชื่อว่าช่วยบำรุง สมรรถภาพทางเพศ สมัยก่อนมีข้อห้าม การใช้ช็อกโกแลต ฉลองวันวาเลนไทน์ เพราะมันกระตุ้นต่อม น้ำลายมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีการพัฒนา นำดอกกุหลาบ และช็อกโกแลตมาใช้ฉลอง จนถึงปัจจุบัน เหล่านี้คือแง่มุมหนึ่งของวันวาเลนไทน์ในอดีต



 หรือ รัก คำ นี้ดูเหมือนจะเป็นคำ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แทบจะมากที่สุดเลย ก็ว่าได้ ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แม้ว่าอะไรๆจะเปลี่ยนไปก็ตาม แต่เจ้าความรักนี่ ดูเหมือนจะ ไม่รู้จักคำว่าล้าสมัย เอาซะเลย ความ รักทำให้คนเรา เป็นคนมากขึ้น มีอารมณ์ มีความรู้สึก มีความ คิด และอะไรต่างๆอีกมากมาย ที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่ออยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรัก แต่ถ้าคนเรา ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ เมื่ออยู่ในความรัก อาจจะเกิดผลเสีย มากกว่าผลดีก็ได้ เพราะฉะนั้น "จงรักให้เป็น"  อย่าให้ความรักมีอำนาจเหนือตัวเรา



เช็กสเปียร์เคยกล่าวไว้ว่า "The course of true love never ran smooth. But if you can hold to the course, you can surmount the obstacles that life puts in theway" "ความรักย่อมมีอุปสรรค แต่อุปสรรคจะทำให้รักเรา มีความหมายมากขึ้น" อย่าท้อแท้กับความรักนะเจ้าค่ะ......

ข้อมูลส่วนตัวค่ะ

 

กตัญญา  โพธิขำ
ชื่อเล่น : ตั๊ก
เกิดวันที่ : วันศุกร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2523
อาศัยที่ : บ้านเลขที่ 114 บ้านศรีษะแรต ตำบลมะเฟือง 
อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์